โรคแพนิค คืออะไร
โรคแพนิค (Panic Disorder) คือ โรควิตกกังวลชนิดหนึ่ง ที่ผู้ป่วยจะมีอาการตื่นตระหนก อย่างเฉียบพลันโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน เช่น หัวใจเต้นแรง หายใจไม่ทัน เหงื่อออก ตัวสั่น หรือรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย ทั้งที่ร่างกายจริงๆไม่ได้มีอันตราย
ตอนที่ 1 : สาเหตุโรคแพนิค
ตอนที่ 2 : อาการโรคแพนิค
ตอนที่ 3 : แนวทางการรักษาและรับมือโรคแพนิค
ตอนที่ 4 : ใช้ชีวิตร่วมกับโรคแพนิค
ตอนที่ 5 : สรุป
สาเหตุ โรคแพนิค
- ปัจจัยทางชีวภาพและพันธุกรรม
- ความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง: เชื่อว่าความผิดปกติของสารสื่อประสาทบางชนิด เช่น เซโรโทนิน (Serotonin), นอร์เอพิเนฟริน (Norepinephrine) และกาบา (GABA) มีบทบาทสำคัญในการเกิดแพนิค สารเหล่านี้มีหน้าที่ควบคุมอารมณ์ ความวิตกกังวล และการตอบสนองต่อความเครียด
- พันธุกรรม: มีหลักฐานว่าแพนิคสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ หากมีสมาชิกในครอบครัวสายตรง (เช่น พ่อแม่ พี่น้อง) เป็นแพนิค คุณอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะเป็นโรคนี้เช่นกัน
- ความผิดปกติของโครงสร้างและการทำงานของสมอง: การศึกษาบางชิ้นพบว่าผู้ป่วยแพนิคอาจมีความผิดปกติในบางส่วนของสมองที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์และความกลัว เช่น อะมิกดาลา (Amygdala) และฮิปโปแคมปัส (Hippocampus)
- ปัจจัยด้านจิตวิทยาและประสบการณ์ชีวิต
- ความเครียดเรื้อรังหรือเหตุการณ์สะเทือนใจ: การเผชิญกับความเครียดอย่างต่อเนื่อง หรือเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง เช่น การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก, การหย่าร้าง, การประสบอุบัติเหตุ, หรือการถูกทำร้าย สามารถกระตุ้นให้เกิดแพนิคได้
- รูปแบบการคิดและบุคลิกภาพ: ผู้ที่มีแนวโน้มคิดมาก, วิตกกังวลง่าย, หรือมีความสมบูรณ์แบบสูง อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดแพนิคมากกว่า
- การเรียนรู้และประสบการณ์ในวัยเด็ก: ประสบการณ์ที่ไม่ดีในวัยเด็ก เช่น การถูกทอดทิ้ง, การถูกทำร้าย, หรือการเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ไม่มั่นคง อาจส่งผลต่อการพัฒนาการของสมองและการรับมือกับความเครียดในอนาคต
- ปัจจัยด้านพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม
- การใช้สารเสพติดหรือสารกระตุ้น: การดื่มแอลกอฮอล์, การใช้ยาเสพติด, หรือการบริโภคคาเฟอีนในปริมาณมาก สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการแพนิคได้
- ภาวะทางการแพทย์บางอย่าง: โรคบางชนิด เช่น โรคไทรอยด์เป็นพิษ, โรคหัวใจ, หรือโรคหอบหืด อาจมีอาการคล้ายคลึงกับอาการแพนิค หรืออาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการแพนิคได้
- การเปลี่ยนแปลงในชีวิต: การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต เช่น การย้ายงาน, การมีบุตร, หรือการเปลี่ยนแปลงสถานะทางสังคม อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความเครียดและนำไปสู่อาการแพนิคได้ พร้อมเล่น หวยไว
อาการ โรคแพนิค
อาการทางกาย
- ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หรือหัวใจเต้นแรงผิดปกติ: รู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกมาจากอก
- เหงื่อออกมากผิดปกติ: อาจรู้สึกร้อนวูบวาบหรือหนาวสั่น
- ตัวสั่น มือสั่น หรือรู้สึกกระตุก: ควบคุมการสั่นไม่ได้
- หายใจลำบาก หรือรู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ: อาจรู้สึกเหมือนถูกบีบรัดที่คอ หรือหายใจไม่อิ่ม
- เจ็บหน้าอก หรือแน่นหน้าอก: อาจรู้สึกเหมือนมีอะไรมาทับอก คล้ายอาการหัวใจวาย
- คลื่นไส้ ปั่นป่วนในท้อง หรือท้องเสีย: รู้สึกไม่สบายท้อง
- เวียนศีรษะ หน้ามืด มึนงง หรือรู้สึกเหมือนจะเป็นลม: รู้สึกโคลงเคลง ไม่มั่นคง
- รู้สึกชา หรือรู้สึกซ่าๆ ตามตัว: โดยเฉพาะที่มือ เท้า หรือรอบปาก
- ร้อนวูบวาบ หรือหนาวสั่น: อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
อาการทางจิตใจ
- กลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หรือกลัวจะเป็นบ้า: รู้สึกเหมือนกำลังจะเสียสติ
- กลัวว่าจะตาย: ความรู้สึกกลัวความตายที่รุนแรงและฉับพลัน
- รู้สึกเหมือนจริงไม่จริง (Derealization) หรือรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ใช่ตัวเอง(Depersonalization) Derealization: รู้สึกว่าสิ่งรอบตัวแปลกไป ไม่ใช่ของจริง หรืออยู่ในความฝัน , Depersonalization: รู้สึกว่าตัวเองแยกออกจากร่างกาย หรือมองตัวเองจากภายนอก
- ความรู้สึกหวาดกลัวอย่างรุนแรง: เป็นความกลัวที่ไม่มีเหตุผลและรุนแรงมาก
- ความรู้สึกไม่สบายใจ หรือความกังวลอย่างมาก: แม้ไม่มีสิ่งกระตุ้นที่ชัดเจน
ลักษณะสำคัญของอาการแพนิค
- เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน: มักไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า
- รุนแรงและถึงจุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว: ภายในไม่กี่นาที (ส่วนใหญ่มักไม่เกิน 10 นาที)
- มักเกิดขึ้นซ้ำๆ: ผู้ป่วยจะมีความกังวลว่าจะเกิดอาการขึ้นอีก ทำให้หลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือสถานที่ที่คิดว่าจะกระตุ้นอาการ (Agoraphobia)
- ไม่เกี่ยวข้องกับอันตรายจริง: อาการที่เกิดขึ้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากสถานการณ์ที่คุกคามชีวิตจริงๆ
แนวทางการรักษาและรับมือ โรคแพนิค
- พบจิตแพทย์เพื่อวินิจฉัย
- การประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยแยกแยะระหว่างแพนิคกับปัญหาทางกาย เช่น โรคหัวใจ หรือภาวะไทรอยด์
- แพทย์อาจแนะนำ การบำบัดร่วมกับการใช้ยา เช่น ยาคลายกังวลหรือยาต้านซึมเศร้า
- การบำบัดด้วยจิตวิทยา (CBT)
- CBT (Cognitive Behavioral Therapy) ได้ผลดีในการรักษาแพนิค
- ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจและจัดการความคิดที่บิดเบือน รวมถึงฝึกหายใจและควบคุมอารมณ์
- ฝึกควบคุมการหายใจ
- เทคนิคหายใจลึกๆ ช้าๆ สามารถลดอาการใจสั่น หายใจไม่ทัน และเวียนหัวได้
- ฝึกหายใจแบบ 4-7-8 หรือใช้แอปช่วยฝึกสมาธิ เช่น Calm, Headspace, Insight Timer
- เปลี่ยนพฤติกรรมประจำวัน
- หลีกเลี่ยงคาเฟอีน แอลกอฮอล์ หรือสารกระตุ้นที่อาจกระตุ้นอาการ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนเพียงพอ และกินอาหารที่มีประโยชน์
- มีระบบสนับสนุนทางสังคม
- บอกคนใกล้ตัวเกี่ยวกับภาวะที่เป็น เพื่อให้เขาเข้าใจและช่วยเหลือเมื่อต้องการ
- เข้ากลุ่มบำบัด กลุ่มพูดคุย หรือฟอรั่มสำหรับผู้มีอาการ ซึ่งอาจจะแก้ปัญหาด้วยการแทง หวยไว
ใช้ชีวิตร่วมกับโรคแพนิค
- ยอมรับและเข้าใจอาการของตัวเอง
- ไม่ต้องรู้สึกผิดหรือแปลกแพนิคคือภาวะทางจิตเวชที่รักษาได้ และพบได้บ่อยกว่าที่คิด การยอมรับช่วยให้เราเริ่มดูแลตนเองได้อย่างมีสติ
- ฝึกหายใจและผ่อนคลายเมื่อมีอาการ
- เทคนิคหายใจลึกๆ ช้าๆ (เช่น 4-4-4-4 หรือ 4-7-8) จะช่วยลดอาการตื่นตระหนก หัวใจเต้นเร็ว หรือหายใจไม่ทัน
- ปรับไลฟ์สไตล์ให้เหมาะสม
- นอนให้พอ / ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และสิ่งกระตุ้นอาการ
- ฝึกสมาธิ/โยคะ หรือกิจกรรมที่ช่วยให้ใจสงบ
- ไม่ละเลยการรักษา
- รักษาต่อเนื่องตามแพทย์สั่ง เช่น การใช้ยา หรือการบำบัดแบบ CBT (Cognitive Behavioral Therapy) จะช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการ
- เปิดใจพูดคุยกับคนที่ไว้ใจ
- การมีเพื่อน ครอบครัว หรือกลุ่มสนับสนุนที่เข้าใจ จะทำให้คุณรู้สึกไม่โดดเดี่ยว และช่วยลดความวิตกได้มาก
สรุป
เป็นภาวะทางจิตใจที่ผู้ป่วยมีอาการตื่นตระหนกกะทันหันโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน เช่น ใจสั่น หายใจไม่ทัน หรือเวียนหัว อาการมักเกิดซ้ำและกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การรักษาสามารถทำได้ด้วยการบำบัดพฤติกรรม-ความคิด (CBT) ร่วมกับการใช้ยาในบางราย
